รีวิวหนังสือ ใช้ชีวิตง่าย ๆ ก็สบายใจเหมือนกันนะ
เคยไหมเวลาที่ชอบอะไร รู้สึกอะไร แต่ไม่กล้าแสดงออกไป เพราะกลัวว่าสิ่งที่เราคิดนั้นมันอาจผิด หรือแตกต่างจากคนอื่น จนสุดท้ายก็ได้ในสิ่งที่ไม่ต้องการมาแทน เกิดเป็นคำถามในใจว่า แท้จริงแล้วเราแคร์ใครมากกว่ากันนะ ตัวเองหรือว่าคนอื่น จริง ๆ แล้วสิ่งที่แตกต่างอาจไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเป็นความกังวลใจของเราเองหรือเปล่า ที่ทำให้มันดูเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เราเกรงใจและยอมให้คนอื่นได้เสมอ ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องยอมให้หัวใจเรามีความสุขอย่างอิสระเสียที
สรุป 10 ข้อคิดง่าย ๆ จากหนังสือ ใช้ชีวิตง่าย ๆ ก็สบายใจเหมือนกันนะ
1. สำหรับหลายคน บ้านมอบความรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายใจที่สุด
2. ถ้าเป็นไปได้เราหลายคนอาจอยากใช้ชีวิตโดยไม่ต้องแข่งขัน แต่นั่นก็ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก ในสังคมที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดอยู่ตลอดเวลา
3. ความจริงแล้วครูก็ไม่อยากมาโรงเรียนเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะเด็กหรอกที่ไม่อยาก แต่เพราะภาระค่าใช้จ่าย ครูก็ต้องหาเลี้ยงชีพ ถ้าเราเข้าใจว่าจุดยืนของกันและกัน เราก็อาจอยู่ร่วมกันได้มีความสุขมากขึ้น
4. คนเราสองจิตสองใจกับทุกอย่าง ตั้งแต่การเลือกเสื้อผ้า จนความอยากสอบได้แนนดีแต่ไม่อยากตั้งใจเรียน หรืออยากหาเงินได้เยอะแต่ไม่อยากทำงาน เรื่องเสื้อผ้าอาจตัดสินใจไม่ยากมาก แต่เรื่องชีวิต จิตใจคนนั้นไม่ง่ายเลยที่ต้องเลือกสิ่งเหล่านี้
5. ถ้าอยากให้คนอื่นมองเราที่มุมอื่นนอกจากมุมตรง เราก็ต้องหัดมองมุมข้างของคนอื่นก่อน เพราะไม้บรรทัดที่เราใช้วัดคนอื่น สุดท้ายก็จะคืนสนองกลับมาหาเราเอง
6. แม้จะมีสารพัดความเห็น ว่าเราควรเป็นอย่างนู้น ทำแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการแต่ความจริงคือโลกไม่ได้สนใจความสุขของเราหรอก คนที่จะสนองความสุขของตัวเราได้ คือตัวเราเองเท่านั้น
7. เป้าหมายของการเดินทาง อาจเป็นการออกห่างจากกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ การย้ายจากบ้านหรือที่ทำงาน ไปนั่งร้านกาแฟ ก็อาจหลีกเลี่ยงชีวิตประจำวันได้ชั่วครู่ และอาจได้สถานที่หลบภัยดี ๆ ที่ทำให้เห็นโลกในอีกมุมก็เป็นได้
8. สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระจากการทำงานประจำ อาจไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าเรามีกินมากพอจนประทังชีวิตได้ โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือน ซึ่งอาจหมายถึงการทำอาหารกินเอง โดยใช้เงินเดือนที่ได้ให้น้อยที่สุด
9. จริยธรรม หรือสามัญสำนึกของคนเราไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และล้วนแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งที่เคยเป็นจริยธรรมของเมื่อวานอ่านผิดจริยธรรมในวันนี้ถ้าสังคมเปลี่ยนไป
10. เราอาจต้องพบเจอ “ชีวิตช่วงจืดชืด” หลังทำภารกิจสำคัญเสร็จ เช่น สอบเข้ามหาวิทยาลัย หางานทำ หรือแต่งงานและเราอาจเกิดความคิดว่า เราทำไปทั้งหมด ก็เพื่อเรื่องแค่นี้เองหรอ… โดยเรามักไม่มีปัญหาอะไรให้แก้ในชีวิตช่วงนี้ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเนิบ ๆ จนเกินไป
รีวิวิสั้น ๆ หลังอ่าน
เล่มภาคต่อของหนังสือสุดฮิตอย่าง นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ ที่เขียนโดยคุณฮาวัน หนังสือเล่มแรกจะเป็นการตั้งคำถามประเด็นว่าทำไมเราถึงใช้ชีวิตซะยากกันไปหมด เงื่อนไขชีวิตทำให้อะไรต่าง ๆ ดูเหนื่อย และก็ชวนตั้งคำถามไปถึงสภาพสังคมที่ทำให้เราเป็นแบบนั้นกันไปหมด แต่พอมาเล่มนี้ ก็ยังพอมีกลิ่นอายของเล่มแรกอยู่บ้างแต่หลาย ๆ บท ความเข้มข้นของเนื้อหาดูจะเบาบางลงไปพอควร และกลายเป็นการบ่นไปเรื่อยเปื่อยของผู้เขียนซะมากกว่า แต่บางเรื่องก็นับว่ายังใช้แง่คิดดี ๆ เอามาใช้ได้อยู่ ตามที่สรุปข้อคิดส่วนตัวที่ชอบกันไป
ส่วนตัวคิดว่า ก็น่าแปลกที่อยู่ ๆ คุณฮาวันดูเหมือนจะมาเอาดีด้านงานนักเขียนเต็มตัว เพราะหนังสือเล่มแรกกระแสดีมาก โด่งดังทั้งในประเทศต้นฉบับเกาหลีใต้ และในไทย คุณฮาวันที่ลาออกจากงานประจำมาแล้ว เลยเขียนเล่มสองออกมา พร้อมยังทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบไปด้วย
แต่ต้องยอมรับว่าเพราะชีวิตของคุณฮาวันอาจจะเรียบง่ายเกินไปเป็นคนชอบอยู่บ้าน ไม่มีงานประจำ ไม่มีสังคม ไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษอะไรให้หวือหวา วัตถุดิบในการเขียนเลยอาจไม่ได้เยอะมาก บางบทก็ดูฝืน ๆ เหมือนต้องนึกเรื่องในอดีต จนมีอะไรให้เขียนได้อีก 1 บท
ในขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้ เหมือนกับได้ทบทวนตัวเองไปด้วยว่า เราใจดีกับตัวเองบ้างไหม เปิดโอกาสให้กับตัวเองมากแค่ไหน และเรายังใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่า โลกใบนี้ต่างมีหลายมุม หลายด้านให้เราเลือกมอง ขอให้เลือกมองแค่มุมที่เราเพลินใจจะมอง และไม่เดือดร้อนใครก็พอ
ผู้เขียน: Ha Wan (ฮาวัน)
ผู้แปล: ตรองสิริ ทองคำใส
จำนวนหน้า: 224 หน้า
สำนักพิมพ์: springbooks
เดือนปีที่พิมพ์: 7/2022
ชื่อเรื่องต้นฉบับ: I Just Look Better From The Side
บทความอื่นที่น่าสนใจ