เกร็ดความรู้ » เทคนิคเปิดแอร์ทั้งวัน ประหยัดค่าไฟ เย็นฉ่ำ

เทคนิคเปิดแอร์ทั้งวัน ประหยัดค่าไฟ เย็นฉ่ำ

23 มิถุนายน 2025
347   0

เทคนิคเปิดแอร์ทั้งวัน ประหยัดค่าไฟ เย็นฉ่ำ

เทคนิคเปิดแอร์ทั้งวัน ประหยัดค่าไฟ เย็นฉ่ำ

ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ หลายคนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปิดแอร์อยู่แทบตลอดเวลา โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนทำงานแบบ Work from Home ที่ต้องอยู่ในห้องทั้งวัน แต่สิ่งที่ตามมาพร้อมกับความเย็นสบาย ก็คือบิลค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงจนทำเอาใจสั่นทุกสิ้นเดือน แล้วจะทำอย่างไรให้สามารถ เปิดแอร์ทั้งวันให้ประหยัดค่าไฟ ได้ โดยไม่ต้องยอมทนร้อนหรือฝืนใจปิดแอร์ให้ทรมาน? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเทคนิคง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสริมให้แอร์ทำงานน้อยลง หรือแม้กระทั่งวิธีดูแลแอร์ให้เย็นเร็วและประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น หากคุณอยากเย็นสบายแบบไม่สะเทือนเงินในกระเป๋า ห้ามพลาดเทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝาก!

✅ 1. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม

การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญในการประหยัดพลังงาน ค่าที่แนะนำคือ 26–28 องศาเซลเซียส เพราะเป็นช่วงอุณหภูมิที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายโดยไม่ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการตั้งแอร์ไว้ที่ 20-22 องศาจะทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น แต่จริงๆ แล้วแอร์จะทำงานต่อเนื่องนานขึ้น กินไฟมากขึ้นโดยไม่จำเป็น การรักษาอุณหภูมิให้คงที่ในระดับที่พอเหมาะ จะช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ และส่งผลต่อค่าไฟโดยตรงในระยะยาว

✅ 2. เปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น

การใช้พัดลมร่วมกับแอร์เป็นเคล็ดลับที่คนจำนวนมากมองข้าม พัดลมจะช่วย กระจายลมเย็น จากแอร์ให้ทั่วถึงทั้งห้อง ลดจุดอับและทำให้รู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น แม้ตั้งอุณหภูมิสูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้การเปิดพัดลมยังช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์หยุดพักเป็นระยะ และนั่นหมายถึงการประหยัดไฟอย่างได้ผล ที่สำคัญคือพัดลมกินไฟน้อยมาก เมื่อเทียบกับค่าไฟจากแอร์

✅ 3. ปิดห้องให้มิดชิด

ถ้าห้องมีรูรั่ว อากาศเย็นจากแอร์จะรั่วไหลออกไป และอากาศร้อนจากภายนอกจะไหลเข้ามา ทำให้แอร์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น การปิดประตู-หน้าต่างให้สนิท จึงช่วยรักษาอุณหภูมิภายในห้องได้ดีกว่า หากมีช่องแสง ช่องลม หรือช่องว่างที่กรอบหน้าต่างหรือขอบประตู ควรใช้วัสดุกันรั่ว เช่น ฟองน้ำกันกระแทก ซีลยาง หรือเทปกันลมมาติดปิดไว้ จะช่วยให้ห้องเก็บความเย็นได้นานขึ้นและแอร์ทำงานน้อยลง ประหยัดพลังงานได้อย่างเห็นผล

✅ 4. ปิดม่าน หรือใช้ฟิล์มกรองแสง

แสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาทำให้ห้องร้อนเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน การใช้ ผ้าม่านกันยูวี หรือฟิล์มกรองแสง จะช่วยลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้อง ทำให้อุณหภูมิห้องคงที่ แอร์ไม่ต้องทำงานหนักในการดึงอุณหภูมิลง ผ้าม่านแบบทึบหรือแบบมีฉนวนกันความร้อน สามารถลดความร้อนได้ถึง 30–40% ส่วนฟิล์มกรองแสงติดกระจกก็ช่วยสะท้อนความร้อนและรังสี UV ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นวิธีที่ทั้งช่วยประหยัดไฟและยืดอายุเฟอร์นิเจอร์ในห้องด้วย

✅ 5. ล้างแอร์เป็นประจำ

เมื่อใช้แอร์ไปนานๆ ฟิลเตอร์กรองอากาศจะสะสมฝุ่นละออง ทำให้ลมหมุนเวียนได้น้อยลง แอร์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้ได้ความเย็นในระดับเดิม การ ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ ทุก 3–6 เดือน (หรือเร็วกว่านั้นถ้าใช้งานหนัก) จะช่วยให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ และยังช่วยให้อากาศภายในห้องสะอาด ปราศจากฝุ่นและเชื้อโรค ควรให้ช่างมืออาชีพดูแลในส่วนของคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในคุณภาพ

✅ 6. ใช้แอร์เบอร์ 5 หรือระบบ Inverter

การเลือกแอร์ให้เหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่มเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว แนะนำให้เลือกแอร์ที่มี ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และ ระบบ Inverter ซึ่งสามารถควบคุมความเย็นให้คงที่ได้ โดยไม่ต้องเปิด-ปิดคอมเพรสเซอร์บ่อยๆ ส่งผลให้กินไฟน้อยกว่าแอร์ระบบธรรมดา แม้จะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อนำมาหักลบกับค่าไฟที่ลดลงต่อเดือน จะพบว่าคุ้มค่ากว่าในระยะเวลาไม่กี่ปี และยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าด้วย

✅ 7. ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ

หากคุณไม่ได้อยู่ในห้องตลอดเวลา หรือมักเผลอหลับโดยลืมปิดแอร์ การตั้งเวลาเปิด-ปิด (Timer) หรือโหมดประหยัดพลังงาน เช่น Sleep Mode จะช่วยให้แอร์ปรับระดับความเย็นตามอุณหภูมิห้องโดยอัตโนมัติ ช่วงกลางคืนที่อากาศเย็นลง แอร์จะลดการทำงานลงเอง ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ดีมาก นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้ร่างกายเย็นเกินไปในตอนนอน ช่วยให้หลับสบายและสุขภาพดีด้วย

✅ 8. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง

ขนาดของแอร์ที่เหมาะสมกับห้องเป็นสิ่งสำคัญ ถ้า BTU น้อยเกินไป แอร์จะทำงานหนักและใช้เวลานานในการทำความเย็น ทำให้กินไฟมากโดยไม่จำเป็น แต่ถ้า BTU มากเกินไป ก็สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็นเช่นกัน การคำนวณ BTU ควรดูจากขนาดพื้นที่ห้อง, ทิศทางแสงแดด, ความสูงของเพดาน และจำนวนคนที่ใช้งานร่วมกัน แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือช่างแอร์ก่อนติดตั้ง เพื่อให้ได้แอร์ที่ประหยัดไฟและมีประสิทธิภาพที่สุด

หากเรารู้จักใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด แอร์ก็จะไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินค่าไฟมากเลย ด้วยวิธีง่ายๆแบบนี้ก็จะทำให้สบายกระเป๋า ไม่ต้องจ่ายเยอะแม้ในหน้าร้อน แถมยังสามารถใช้แอร์ได้ตามใจ ตามความต้องการของเรา พอเข้าหน้าร้อนก็สามารถอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ ไม่ต้องต่อรถต่อเรือออกไปตากแอร์ที่ห้าง ให้เปลืองค่าเดินทางอีก ประหยัดได้หลายต่อเลยทีเดียว


บทความอื่นที่น่าสนใจ