การเพาะเห็ดตับเต่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเกษตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การเพาะเห็ดตับเต่า เป็นทรัพยากรท้องถิ่น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ริมน้ำพื้นที่ที่มีอากาศร่มรื่นและความชื้นสูง อุดมสมบูรณ์ โดยมีพืชอาศัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเห็ด คือ ต้นโสนโดยเห็ดตับเต่าจะขึ้นใต้ต้นโสนเป็นจำนวนมากในช่วง เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี
เห็ดตับเต่า เห็ดผึ้ง หรือเห็ดห้า เป็นเชื้อรากลุ่มเอ็คโตมัยโคไรซ่า เป็นเห็ดที่อาศัยอยู่กับรากพืช คือเห็ดจำพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีพืชเป็นที่อาศัยครับ เส้นใยของเห็ดตับเต่าจะเจริญดีมากจากรากอ่อน จนถึงปลายราก แต่เราจะใส่เชื้อที่โคนรากของต้นไม้อาศัย ในช่วงแรกเชื้อเห็ดตับเต่าจะอาศัยอยู่ที่โคนราก แล้วค่อยๆ ลามไปจนทั่วปลายราก อย่างที่เคยอธิบายไว้ในบทความก่อนๆครับ เห็ดตับเต่าจะออกดอกเห็ด ให้เราได้รับประทานเฉพาะในช่วงหน้าฝน (ยกเว้นเพาะนอกฤดู) และเห็ดประเภทนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีพืชอาศัย พืชอาศัยของเห็ดตับเต่าก็มี ลำไย ลิ้นจี่ หว้า มะกอกน้ำ แคบ้าน กระถิน ส้มโอ โสน มะม่วง มะกอกบ้าน มะกอกน้ำ เป็นต้น
ดังนั้น พอถึงช่วงปีใหม่ของทุกปีจึงมีการจัดเตรียมพื้นดินให้ต้นโสนขึ้น เพื่อเห็ดตับเต่าจะได้เกิดในช่วงฤดูใหม่ ต่อมาก็มีผู้สนใจที่จะผลิตเห็ดตับเต่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้บริโภคนิยมรับประทานมากขึ้น ทำให้มีราคาสูงตามความต้องการของตลาด
วิธีการเพาะเห็ดตับเต่า
- พื้นที่ต้องใกล้กับแหล่งน้ำ เช่น ลำคลอง บ่อน้ำ
- ต้องมีพืชอาศัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเห็ด เช่น ต้นโสน ต้นทองหลาง ต้นมะกอกน้ำ ต้นแค ต้นมะม่วง
- เชื้อเห็ดเป็นชนิดน้ำ สภาพพื้นที่ที่ไม่เคยมีเห็ดตับเต่าใช้เวลา 3 ปี
วิธีการลงเชื้อเห็ดตับเต่า
- การลงเชื้อต้องให้ต้นโสนสูงประมาณ 150 เซนติเมตร
- วิธีราด 1 ต่อ 3 เช่น อัตราส่วนน้ำเชื้อ 1 ลิตร ต่อ น้ำ 3 ลิตร น้ำที่ราดผสมต้องเป็นน้ำที่ไม่มีคลอรีน
*** จำเป็นต้องราดเชื้อติดต่อกันนาน 3 ปี ****
สิ่งที่เห็ดตับเต่าชอบมากที่สุด
- ชอบสภาพอากาศร้อนชื้น
- ชอบปุยธรรมชาติ เช่น ผักตบชวา ใบไม้แห้ง ชี้วัว เป็นต้น
- สามารถใช้สปริงเกอร์เพิ่มความชื้นเพื่อเร่งการออกดอกเห็ด
สิ่งที่เห็ดตับเต่าไม่ชอบ
- การใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีในพื้นที่การปลูกเห็ด
- ใช้น้ำคลอรีนรดต้นโสน
- การเลี้ยงไก่และเป็ด เพราะจะคุ้ยเขี่ยเห็ด
ขั้นตอนการเตรียม
- การเตรียมพื้นที่ โดยการยกแปลงดินสูงเหนือระดับน้ำ พอให้น้ำท่วมถึง เพราะดินต้องการความชื้นค่อนข้างมาก
- จัดการต้นโสนด้วยการถอนต้นที่ใกล้ตายหรือตายแล้วออก เพื่อให้แสงแดดส่องถึงแปลง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และกองสุมต้นโสนไว้บริเวณแปลงเพื่อเป็นปุ๋ยและคลุมดิน
- ทำการรดน้ำแปลงปลูกเห็ดตับเต่า เมื่อสังเกตเห็นความชื้นไม่เพียงพอ (ห้ามใช้น้ำประปาในการรดน้ำใช้เฉพาะน้ำที่ได้จากธรรมชาติเท่านั้น)
- ช่วงเวลาในการเก็บเห็ดตับเต่า ควรเก็บในช่วงเช้า 00 – 07.00 น.
- เมื่อหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงทำการตัดต้นโสนออกทั้งหมด กองสุมไว้เป็นการเพาะเชื้อเห็ดตับเต่าตามธรรมชาติ และเพื่อเตรียมพื้นที่ในการผลิตเห็ดตับเต่าในฤดูถัดไป
- สำหรับดอกเห็ดที่บาน สามารถสืบต่อพันธุ์ได้ให้เก็บมาใส่ภาชนะแล้วปิดฝารวมกันไว้ รอจนกว่าจะย่อยสลาย แล้วนำไปราดยังแปลง เพื่อเพิ่มปริมาณเชื้อเห็ด (เชื้อเห็ด 200 ลิตรต่อไร่)
ข้อควรระวัง
- การเก็บ ควรเดินในเส้นทางเดิมเพื่อป้องกันการเหยียบเห็ดที่ยังไม่โตเต็มที่
- การจัดการแปลงเห็ด ไม่ควรมีขยะ และสิ่งที่อาจก่อให้เกิดพิษที่เป็นอันตรายต่อเห็ด
- ห้ามใช้สารเคมีในแปลงโดยเด็ดขาด
การเพาะเลี้ยงเห็ดตับเต่า
1.การเพาะเลี้ยงเห็ดตับเต่าโดยวิธีธรรมชาติ
อาศัยหลักการเพาะเลี้ยงแบบร่วมกับพืชอาศัยจึงเกิดดอก พืชอาศัยหลักที่นิยมคือ โสนและหว้าน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ได้ โดยนำสปอร์แก่หรือสปอร์ที่สมบูรณ์ที่ได้จากดอกแก่เท่านั้น ออกจากด้านล่างของดอก นำมาขยำกับน้ำในสัดส่วนดอกแก่ 1 กิโลกรัม ต่อ น้ำ 10 ลิตร นำไปรดบริเวณโคนต้นไม้ที่ให้เห็ดร่วมอาศัย เป็นวิธีการทำหัวเชื้อแบบดั้งเดิม และเกษตรกรสามารถทำได้ง่าย
2.การเพาะเลี้ยงโดยหัวเชื้อเห็ดตับเต่า
มีทั้งหัวเชื้อแบบเหลวและหัวเชื้อแบบก้อน โดยการลงหัวเชื้อในดิน ซึ่งต้องทำปรับสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสม เพื่อให้เส้นใยพัฒนาไปเป็นโครงสร้างดอกในอนาคต ใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 – 3 ปี สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่มีเชื้อเห็ดมาก่อน
ประโยชน์ของเห็ดตับเต่า
เห็ดตับเต่ามีสรรพคุณทางยาหลายอย่างและยังสามารถ นำมาปรุงอาหารได้หลายประเภททั้ง ต้ม ผัด แกง อย่างไรก็ตามการนำเห็ดดับเต่ามาปรุงอาหารต้องทำให้สุกก่อน
ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ที่เหมาะสมต่อการปลูกเห็ดตับเต่า
เห็ดตับเต่าเป็นเชื้อราเอ็คโตไมคอร์ไรชา โดยการเจริญเติบโตของราส่วนมากมักอยู่ในช่วงที่เป็นกรดจัดถึงกรดปานกลาง คือ pH 3 – 7 เนื่องจากเกิดกรดอินทรีย์ในระหว่างการย่อยสลายของอินทรียวัตถุ ดังนั้น ดินที่ปลูกเห็ดตับเต่าในพื้นที่ตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงมีสภาพเป็นกรดจัดถึงกรดปานกลาง ซึ่งเป็นสภาพธรรมชาติของพื้นที่ที่มีเห็ดราขึ้น
เห็ดตับเต่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการหารายได้เสริม หรือมีเห็ดสดไว้กินในครัวเรือน วิธีเพาะไม่ซับซ้อน ใช้พื้นที่น้อย และใช้วัสดุพื้นบ้าน ทำได้ทั้งแบบกองฟาง กองขี้เลื่อย หรือเพาะใต้ต้นไม้ เหมาะกับคนที่มีใจรักและพร้อมดูแลอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายสำราญ ข้างศิริ เกษตรกร ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่มา : กลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมด้านการเกษตร กองวิจัยและพัฒนางานส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร
บทความอื่นที่น่าสนใจ