กระชาย สมุนไพรไทยก้นครัว สรรพคุณและประโยชน์มากกว่าที่คิด!
กระชาย เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าหรือดำต้นอยู่ใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะเรียวยาว อวบน้ำ ตรงกลางเหง้าจะพองคล้ำยกระสวย ออกเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก มีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแกมส้ม กระชายมีอยู่สาม ชนิด คือ กระชายเหลือง กระชายดำ และกระชายแดง แต่คนนิยมให้กระชายเหลืองมากกว่าชนิดอื่น ใบกระชายเป็นใบเดี๋ยวออกสลับกัน สีก่อนข้างแดง ใบมีขนาดยาวรีรูปไข่ ปลายใบแหลมมีขนาดใหญ่สีเขียวอ่อน โคนใบเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ออกดอกเป็นช่อที่ยอด ดอกมีสีขาวหรือขาวปนชมพู ผลของกระชายเป็นผลแห้ง นิยมปลูกเป็นพืชสวนครัว ถิ่นกำเนิด กระชายมีถิ่นกำเนินในอินเดีย – มาเลเซีย
การปลูกและการขยายพันธุ์ กระชาย
กระชาย เป็นพืชผักประเภทเดียวกับ ขิง ข่า และขมิ้น ชนิดลำต้นใต้ดินซึ่งเรียกว่าเหง้าเป็นส่วนที่ใช้ในการขยายพันธุ์ โดยมีลักษณะตุ้มต่อจาก ส่วนหัวจะเป็นก้อนก่อนข้างจะกลม ติดกับลำต้นเป็นก้อนไม่ใหญ่นัก ต่อจากส่วนหัวมีลักษณะกลมยาวเป็นส่วนของรากซึ่งนำมาใช้ประกอบอาหาร
การเตรียมพันธุ์ เลือกกระชายที่ปราสจากโรคและแมลง อายุตั้งแต่ 10 เดือนขึ้นไป นำเหง้ามาแบ่งส่วนตัดแต่งให้เหลือรากติดลำต้น ประมาณ 2 ราก นำมาแช่สารเคมีเพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจติดมากับเหง้า เช่น ไดเทนเอ็ม 45 พื้นที่ 1 ไร่ ใช้พันธุ์กระชาย จำนวน 400 กิโลกรัม
การเตรียมดิน ในการปลูกกระชายสาเหตุที่ทำให้คุ้มหรือรากสั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ดินให้ต้นกระชายแข็ง ตุ้มเจริญเดิบโตลงไปในดินไม่ได้ ดังนั้นจะต้องมีการเตรียมดินเป็นอย่างดี กระขายจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราช มีการระบาน้ำดี เตรียมดิน โดยการพลิกดินค่อนข้างลึกอย่างน้อยดินจะต้องร่วนซุขลึกประมาณหนึ่งคืบเศษๆ พอที่รากหรือตุ้มจะแทงลงไปให้รากยาวตามต้องการ และย่อยดินตากไว้ประมาณ 7 วัน ยกเป็นแปลงหรือร่องสูงประมาณ 50 เซนดิเมตร ไม่ควรต่ำกว่านี้ เพราะเมื่อฝนตก น้ำจะชะล้างทำให้ร่องต่ำลงอีก หลังร่องควรเกลี่ยให้แบนๆ ไม่ควรให้เป็นสัน บริเวณใกล้ต้นจะได้มีปุ๋ยพอเลี้ยงลำต้น ทำหลุมปลูกลึกประมาณ 1 หน้ำจอบ ระยะปลูก 20 x 20 เซนติเมตร
การปลูก เลือกปลูกได้ 3 วิธี วิธีที่ 1 ปลูกโดยยกร่อง วิธีที่ 2 ปลูกเป็นแปลง วิธีที่ 3 ปลูกเป็นหลุม นำพันธุ์กระชายที่เตรียมไว้มาปลูกในหลุมปลูก กลบดิน
การให้ปุ๋ย ควรเร่งให้งามไปตั้งแต่เริ่มปลูก อย่ให้กระชายชะงักงัน รากหรือตุ้มจะแกร็นการเจริญเติบโตของลำต้นต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ลำต้นต้องอวบ
การให้น้ำ ในหน้าฝน กรณีมีฝนตกทุกวันไม่จำเป็นต้องให้น้ำ ในหน้าแล้งควรให้น้ำ 2-3วัน/ครั้ง และเมื่อกระชายแตกขอดแล้วควรให้น้ำเวลาเย็น เพราะถ้าหากให้เวลาเช้า หรือกลางวันอาจทำให้ใบไหม้ได้
การเก็บเกี่ยว กระชายสามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่อายุ ร-6 เดือน จนถึง 10-12 เดือน เก็บโดยใช้มือถอน หรือจอบขุด ถ้าดินแข็งให้รดน้ำก่อนเพื่อให้ดินนุ่ม กรณีที่กระชายมีอายุมากยังไม่เก็บเกี่ยวใบของกระชายจะเริ่มเหี่ยว เหลือง ลำต้นแห้งตายไป ในระยะนี้ไม่ต้องให้น้ำ เพราะจะทำให้กระชายงอกไม่ควรทิ้งกระชายข้ามปี เพราะรากจะเริ่มฝอ ผลผลิตเฉลี่ย 3,000 กิโลกรัม/ไร่
การใช้ประโยชน์ทางยาของ กระชาย
เหง้าและราก
- แก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย นำรากกระชายย่างไฟให้สุก ตำให้ละเอียดผสมน้ำปูนใสในอัตราส่วน กระชายแก่ 4 หัว ต่อน้ำปูนใส 5 ช้อนแกง คนให้เข้ากันดีแล้วคั้นเอาแต่น้ำดื่มครั้งละ 3-5 ช้อนแกง ทุกครั้งที่ถ่าย เมื่ออาการดีขึ้นให้กินวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น เมื่อหายแล้วกินต่ออีก 12 วัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
- รักษาโรคริดสีดวงทวาร ต้มกระชายพร้อมมะขามเปียก เติมเกลือแกงเล็กน้อยรับประทานก่อนนอนทุกวัน
- ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ตำรากกระชาย ! กำมือให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้งในอัตราส่วนที่เท่ากัน รับประทานก่อนอาหารเย็น 1 ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 1 ถ้วยชา
- ช่วยบำรุงหัวใจ กระตุ้นให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ นำรากกระชายแก่ ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ตากแดดให้แห้ง บดให้เป็นผงเก็บไว้ละลายกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการเป็นลม
- นำเหง้าแห้งประมาณครึ่งกำมือต้มเอาน้ำดื่ม รักษาอาการแน่นจุกเสียด
การใช้ประโยชน์อื่นๆ
- ไล่แมลง ใช้รากกระชาย ตะใคร้ หอมแดง ข่า ใบสะเดาแก่ ตำผสมกัน ผสมน้ำฉีดในบริเวณที่มีแมลงรบกวน
- ใช้ในการประกอบอาหาร รากกระชายเป็นส่วนผสมของเครื่องแกง ขนมจีนน้ำยาและเป็นส่วนประกอบของขนมอีกหลายชนิดเพื่อดับกลิ่นคาวเนื้อและปลา เช่น ผัดเผ็ดปลาคุก แกงเผ็ดเนื้อ แกงป่า หลนปลาร้า ฯลฯ
บทความอื่นที่น่าสนใจ