วิธีการผลิต จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ไว้ใช้งานเอง แบบง่ายๆ มือใหม่ก็ทำได้
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
หลายคนคงจะพอนึกภาพออกถ้าเป็นคนที่เคยศึกษา เรื่องของจุลินทรีย์ มาบ้าง แต่ถ้าเป็นมือใหม่นั้น สำหรับคำว่า “จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง” นั้นคงเป็นเรื่องที่ไกลตัว แล้ว จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง คืออะไร จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (photosybthetic bacteria; PSB) เป็นแบคทีเรียพบกระจาย ทั่วไปในธรรมชาติ ตามแหล่งน้ำจืด น้ำเค็ม ทะเลสาบน้ำเค็ม น้ำทะเลสาบที่มีความเป็นด่าง น้ำที่มี ความเป็นกรด น้ำพุร้อน น้ำทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือ นอกจากนี้ ยังพบตามแหล่งน้ำเสีย บ่อบำบัดน้ำเสีย
ความมหัศจรรย์ของแบคทีเรียชนิดนี้ อยู่ตรงกระบวนการที่อยู่ในเซลล์ เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีแสงก็เกิดกระบวนการที่ใช้แสง ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่มีแสงก็เปลี่ยนมาใช้อีกกระบวนการที่ไม่ใช้แสงทำให้มี ชีวิตอยู่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ใช้ประโยชน์จากการกระบวนการดำรงชีวิตตรงนี้ ในแง่ของการเลี้ยงแง่ของการบำบัดน้ำเสีย เอามาใช้ในการบำบัดดินโดยไม่ต้องเอามาพักในบ่อซึ่งเป็นระบบบำบัด
ประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
- ช่วยตรึงไนโตเจนในดิน เพิ่มไนโตเจนให้กับพืช
- เร่งการเจริญเติบโต ทำให้พืชแข็งแรงแล้วโตเร็วเป็น 3 เท่า
- เมื่อใช้ทางดินทำให้รากพืชแข็งแรงและหาอาหารได้ดีขึ้น ใช้กับนาข้าวช่วยเร่งการแตกกอของข้าว
- ช่วยในการย่อยธาตุอาหารและวัตถุอินทรีย์ในดิน เพื่อให้พืชดูดซึมไปใช้ได้อย่างง่ายดาย
- ป้องกันพืชโดยการทำลายจุลินทรีย์ไม่ดีในดิน ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคพืช
- ช่วยลดก๊ซไฮโดรซัลไฟด์ (H2S) ในดินช่วยให้รากของพืชขยายได้ดีและทำให้พืชกินปุ้ยได้ดีขึ้น
- ช่วยลดตันทุนการใช้ปุยเคมีหรือปุ้ยหลักลง 50 %
- ช่วยให้ผลิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 % เนื่องจากพืชมีความสามารถในการดูดกินปุ๋ยได้ดีขึ้น ช่วย ให้พืชมีความแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดี
- เซลล์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจะประกอบด้วยโปรตีนประมาณร้อยละ 60 ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ประกอบด้วย กรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน และยังมีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น B1 B2 B6 B12 กรดโฟลิค วิตามินซี วิตามินดีวิตามินอี วัตถุสีแดง และสารโคแฟคเตอร์ เช่น ยูบิควิโนน โคเอนไซม์คิวเท็น ไซโตไคนิน ซีเอติน ออกซิน กรดอินโดล -3- อะซิติ๊ก กรดอินโดล -3-บิวทีริก ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
บทบาทของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
มีความสำคัญในกระบวนการนำก๊ซคาร์บอนไดออกไชด์ไปใช้ (CO2 – assimilation)และการตรึงไนไตรเจน (nitrogen fixation) นอกจากนี้ยังมึบทบาท สำคัญในห่วงโซ่อาหารซึ่งสัตว์ขนาดเล็ก ปลา กุ้ง หอย และปู สามารถนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงมา ใช้เป็นอาหารได้ นอกจากนี้ในน้ำเสียจากบ้านเรือนและน้ำเสียจากการทำปศสัตว์สามารถนำบัดด้วย จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Kobayashi, 2000)
ขั้นตอนการทำ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
สำหรับขั้นตอนการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง นั้น ง่ายมากๆ แค่นำน้ำที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่สะอาด ไม่ขุ่นมาก กรองใส่ขวดลิตรชนิดใสเตรียมไว้ตามต้องการ ไม่ต้องใส่เต็มขวด ให้เหลือพื้นที่หายใจเล็กน้อย ให้สามารถเติมหัวเชื้ออีก 1-2 ช้อนโต๊ะลงไปได้ จะได้ไม่เต็มจนล้น ปิดฝาวางพักน้ำไว้ 2-3 วัน
เตรียมนำไข่ไก่ ไข่เป็ด หรือไข่อะไรก็ได้ ประมาณ 2-3 ฟองก็ทำได้เกือบ 10 ขวดแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ มีหรือไม่มีก็ได้ เช่น น้ำปลา ผงชูรส นมเปรี้ยว สารพัดสูตร แต่แนะนำ นมเปรี้ยวขวดเล็กๆ หรือน้ำปลา ซัก 1 ช้อนโต๊ะ ก็พอ
วิธีการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไว้ใช้งานเอง ง่ายมากๆ
เริ่มลงมือผสมจุลินทรีย์
- ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่เหมือนทำไข่เจียว เติมส่วนประกอบอื่นๆ เพียง 1 อย่างเป็นตัวเร่งเชื้อ เช่น น้ำปลา เติมไป 1 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากัน นำไข่ที่ตีแล้วตักใส่ขวดน้ำ ตามสูตร ไข่ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1.5-2 ลิตร (หรือน้ำ 1 ขวดลิตร ต่อไข่ 1 ช้อนโต๊ะ) กะดูว่าถ้าใส่ไข่ลงไปแล้วควรให้เหลือช่องอากาศซัก 2 นิ้ว ปิดฝา เขย่าให้เข้ากัน
- นำขวดที่ผสมแล้ว จะมีสีขาวขุ่น ตั้งไว้ในบริเวณกลางแจ้งที่มีแดดส่องถึงตลอดวัน ประมาณ 2-3 อาทิตย์ก็จะเห็นผล ถ้าเริ่มมีสีแดงๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ คับ
สำหรับการขยายหัวเชื้อ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
ขั้นตอนแรก เตรียมอาหารให้หัวเชื้อ เป็นขั้นตอนไม่ยาก ให้นำโปรตีนที่เป็นอาหารของเชื้อ เหมือนกับการทำวิธีแรก แต่ใช้เวลาหมักน้อยกว่า คือ นำไข่สด 2-3 ฟอง ตอกใส่ถ้วย แล้วตีให้เข้ากันทั้งไข่แดงไข่ขาว แล้วผสมน้ำ ในอัตราส่วน ไข่ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร เหมือนเดิม สามารถเจือจางได้สูงสุดในอัตราส่วน ไข่ 1 ช้อนต่อน้ำ 2 ลิตร เทใส่ขวดใสแสงลอดผ่านได้ ไม่ต้องใส่เต็มขวด ให้เว้นช่องอากาศเอาไว้ประมาณ 3 นิ้ว เผื่อส่วนให้เติมหัวเชื้อลงไปขยายเชื้อเดิมได้ด้วย
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ที่ได้จากขั้นตอนหมักในตอนแรก หรือหากหัวเชื้อมีน้อย ก็ใช้สูตรผสม การผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง โดยอัตราส่วน หัวเชื้อ 1 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน คือใช้วัสดุตวงที่เท่ากัน เช่น หัวเชื้อ 1 ช้อน ต่อน้ำ 3 ช้อน คนหัวเชื้อที่ผสมแล้วให้เข้ากัน จะได้หัวเชื้อพร้อมขยาย
นำหัวเชื้อที่ผสมน้ำแล้วตามอัตราส่วน มาเทใส่ลงในขวดอาหารที่ได้เตรียมไว้ ปิดฝาให้สนิทและเขย่าให้เข้ากัน ดูปริมาณให้มีช่องอากาศไว้เล็กน้อย แล้วนำไปตากแดดทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ หรือตากไปจนกว่าหัวเชื้อในขวดจะกลายเป็นน้ำสีแดงเข้มข้น ก็สามารถนำไปใช้ต่อได้ จะตากไปเรื่อยๆ ก็ตามสะดวก แต่ระวังจะขึ้นราจนเน่าได้
ที่มา : kasetorganic.com
Download เอกสารอ้างอิง ที่ http://www.pgs-organic.org/userfiles/file/vijai2.pdf
บทความอื่นที่น่าสนใจ