บทความเกษตร » เลี้ยงจิ้งหรีด แมลงเศรษฐกิจ เทคนิคและการจัดการเลี้ยงจิ้งหรีด

เลี้ยงจิ้งหรีด แมลงเศรษฐกิจ เทคนิคและการจัดการเลี้ยงจิ้งหรีด

25 ตุลาคม 2022
2581   0

เลี้ยงจิ้งหรีด แมลงเศรษฐกิจ เทคนิคและการจัดการเลี้ยงจิ้งหรีด

เลี้ยงจิ้งหรีด

ลักษณะทั่วไปของ จิ้งหรีด

จิ้งหรีดเป็นแมลงที่มีลักษณะปากเป็นแบบปากกัด มีตารวม หนวดยาว ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และกินอาหารได้ทั้งพืชและสัตว์ขยายพันธุ์ ได้เร็ว มีชาคู่หลังขนาดใหญ่ แข็งแรง กระโดดเก่ง ตัวเมียวางไขใต้ดินลึกประมาณ 1-2 เชนติเมตร ตั้วอ่อนและตัวเต็มวัยจะหลบซ่อนตัวตามสนามหญ้าอยู่ในรูเก่าของแมลงอื่น รอยแตกของดินหรือ ตามกองวัสดุทั่วไป

สายพันธุ์จิ้งหรีด

มีชื่อเรียกแตกต่างกันหลายชนิดตามภาษาท้องถิ่น เช่น 1. จิ้งโกร่ง (จิโปม จิ้งกุ่ง) 2. จิ้งหรีดทองดำ 3. จิ้งหรืดทองแดง 4. จิ้งหรีดทองแดงลาย (จิ้งหรีดนิล)

  • ระยะไข่ : ไข่จิ้งหรืดจะมีสีเหลืองรวมกันเป็นกลุ่มในดิน ลักษณะยาวเรียวคล้ายเมล็ดข้าวสาร ความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร เพศเมียจะวางไข่เป็นรุ่นได้ประมาณ 4 รุ่น ๆ ละ 200-300 ฟอง ระยะไข่ใช้เวลา ประมาณ 7 วัน จึงฟักออกมาเป็นตัวอ่อน
  • ระยะตัวอ่อน : ตัวอ่อนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะมีลักษณะคล้ายมด เมื่อโตขึ้น เริ่มมีปีก เรียกว่า ระยะใส่เสื้อกั๊ก ต้องลอกคราบประมาณ 8 ครั้ง จึงจะเจริญเป็น
  • ตัวเต็มวัย : ระยะตัวอ่อนพันธุ์จิ้งหรีดทองดำ ใช้เวลาประมาณ 35-40 วัน สำหรับพันธุ์ทองแดงใช้เวลาประมาณ 46-50 วัน จึงจะลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยระยะตัวเต็มวัย เป็นระยะที่สามารถแยกเพศได้ชัดเจน เพศผู้ มีปีกคู่หน้าย่น ทำให้เกิดเสียง โดยใช้ปีกคู่หน้าถูกัน เพื่อใช้สื่อสาร เพศเมียมีปีกคู่หน้าเรียบ และมีอวัยวะวางไข่ คล้ายเข็มยื่นออกมาจากส่วนท้อง โดย ทั่วไป จิ้งหรีดตัวเต็มวัยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 45-60 วัน

การผสมพันธุ์จิ้งหรีด

จิ้งหรีดจะผสมพันธุ์เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 3 – 4 วัน ระยะเวลาผสมประมาณ 10 – 15 วินาที การผสมพันธุ์และวางไข่แต่ละรุ่นจะใช้เวลาประมาณ 15 วันต่อครั้ง ต่อรุ่น เมื่อหมดช่วงอายุการวางไข่รุ่นสุดท้ายแล้วตัวเมียก็จะตาย

การเตรียมการก่อนเลี้ยงจิ้งหรีด
เลี้ยงจิ้งหรีด

การเตรียมวัสดุอุปกรณ์

  • สถานที่เลี้ยงจิ้งหรีด ควรเป็นที่ดอนน้ำไม่ท่วมขัง อากาศถ่ายเทได้สะดวกบริเวณที่เลี้ยงต้องไม่ตากแดดตากฝน
  • ภาชนะที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีด เช่น วงบ่อปูนซีเมนต์ขนาดกว้าง x สูง (80 x 50 เซนติเมตร) เทปูนบาง ๆ ที่ก้นบ่อประมาณ 12 – 1 นิ้ว หรือ กะละมัง โอ่ง ถังน้ำ กล่องกระดาษ เป็นต้น
  • พลาสติกตาข่ายไนลอน ปิดปากบ่อขนาด 100 x 100 เซนติเมตร
  • ยางรัดตาข่ายกับปากบ่อ
  • แผ่นพลาสติกหรือเทปกาวใสกว้างประมาณ 3 นิ้ว  ติดขอบในปากบ่อ
  • วัสดุรองพื้น เช่น แกลบปนทรายหรือฟางแห้ง
  • ขวดน้ำพลาสติกเจาะรูข้างขวด หรือถาดน้ำแบน ๆ อย่างละ 2 ที่ต่อบ่อ
  • อาหารหลัก เช่น หญ้าสดอ่อน ผักบุ้ง ตำลึง ฟักทองและหยวกกล้วย เป็นต้น
  • อาหารเสริม เช่น ร่ำอ่อน อาหารไก่ อาหารปลา เป็นต้น อย่างละ 2 ที่ต่อบ่อ
  • ภาชนะสำหรับใส่ดินร่วนปนทรายประมาณ 1-2 กิโลกรัม เพื่อให้จิ้งหรีดวางไข่ เช่น กระบะ ขันพลาสติก หรือถุงพลาสติก
  • ถาดไข่แบบกระดาษ หญ้าแห้ง หรือกาบมะพร้าว เพื่อเป็นที่หลบซ่อนหรือที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด
    จิ้งหรีด

การเตรียมพ่อ-แม่พันธุ์

  • คัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ ที่มีสีเข้ม ตัวโตแข็งแรง มีอวัยวะครบทุกส่วน
  • ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์ลงบ่อ ในอัตราส่วน พ่อพันธุ์ : แม่พันธุ์ = 1 : 3

วิธีการและการจัดการเลี้ยงจิ้งหรีด

วิธีการเลี้ยงจิ้งหรีด มี 2 วิธี ได้แก่

  • การเลี้ยงแบบคละรุ่น ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์จิ้งหรีดลงบ่อปูนเลี้ยงอัตราส่วน 1 : 3 ใส่ดินร่วนปนทรายในกระบะหรือขันไข่ 2-3 ขัน จิ้งหรีดเมื่อผสมพันธุ์ครบ 7 วันจะเริ่มวางไข่ และออกเป็นตัวอ่อน จากนั้นนำกระบะหรือขันไข่มาวางเพิ่มในบ่อเดิม จิ้งหรีดพ่อ-แม่พันธุ์จะวางไข่รุ่น 2, 3, 4 ต่อไป (4 รุ่น ๆ ละ 2,000 – 2,500 ตัว) ผู้เลี้ยงจะทยอยจับจิ้งหรีดขาย ทั้งนี้ การเลี้ยงจิ้งหรีดแบบคละรุ่น จะพบปัญหาในเรื่องการจัดการและการเก็บผลผลิตเพื่อจำหน่ายเพราะมีจิ้งหรีดหลายวัยในบ่อ ทำให้จำหน่ายได้ราคาไม่ดี
  • การเลี้ยงแบบแยกรุ่น ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์จั๋งหรีดลงบ่อปูนเลี้ยงอัตราส่วน 3 : 9 ใส่ดินร่วนปนทรายในกระบะ หรือขันใส่ 3-5 ชั้น จิ้งหรีดเมื่อผสมพันธุ์ครบ 7 วัน จะเริ่มวางไข่ หลังวางไข่ 5 วัน หากระบะหรือขันไข่ใหม่มาวางแทนของเดิม จิ้งหรีดพ่อ-แม่พันธุ์ จะวางไข่รุ่น 2, 3, 4 ต่อไป (4 รุ่น ๆ ละ 2,000 – 2,500 ตัว) และนำกระบะหรือขันไข่เดิมออก นำไปใส่บ่อเลี้ยงจิ้งหรีดใหม่ เมื่อโตจะมีขนาดตัวเต็มวัยเท่า ๆ กัน สะดวกต่อการจัดการผลผลิตผู้เลี้ยงสามารถเก็บผลผลิตขายเป็นรุ่น ๆ ต่อไป และยังสามารถหาตลาดในการจำหน่ายจิ้งหรีด

การจัดการเลี้ยงจิ้งหรีด

การจัดการสุขลักษณะ การเลี้ยงจิ้งหรีดเน้นเรื่อง ความสะอาด เช่น ควรทำความสะอาดบ่อ และตากบ่อก่อนเลี้ยงรุ่นใหม่ต่อไป และมีการจัดการเลี้ยงจิ้งหรีดอย่างเป็นระบบ

  • การวางวงบ่อปูนซีเมนต์เลี้ยงจิ้งหรีด จะวางมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่ขนาดความกว้างยาวของโรงเรือน ควรวางเรียงกันเป็นแถวให้แต่ละวงห่างกันประมาณ 3 นิ้ว พอที่ผู้ดูแลจะปฏิบัติงานได้สะดวก พื้นบ่อเทปูนหนาประมาณ 12 – 1 นิ้ว เพื่อป้องกันความขึ้นจากดินผ่านขึ้นมาและป้องกันมดจากใต้ดินเข้ามาทำลายไข่ และตัวจิ้งหรีด และ ควรล้างบ่อปูนซีเมนต์ให้สะอาด รอบวงบ่อด้านนอกให้ป้องกันมดด้วยการโรยปูนขาวหรือใช้ผ้าชุบน้ำมันเครื่องพันรอบวงด้านล่าง
  • การจัดการภายในวงบ่อปูนชีเมนต์เลี้ยงจิ้งหรีด
    • ภายในวงบ่อรองพื้นกันบ่อบาง ๆ ด้วยแกลบปนทรายหรือฟางแห้ง บริเวณภายในปากบ่อด้านบนติดด้วยแผ่นพลาสติกหรือ เทปกาวใส กว้างประมาณ 3 นิ้ว ติดขอบในปากบ่อให้ชายพลาสติก หย่อนลงในบ่อ ป้องกันจิ้งหรีดไต่ออกนอกบ่อ
    • ใส่ถาดไข่แบบกระดาษ หญ้าแห้ง หรือกาบมะพร้าววางตรงกลางบ่อหรือริมบ่อเพื่อเป็นที่หลบซ่อนหรือที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด
    • ภาชนะ เช่น กระบะหรือขันพลาสติกหรือถุงพลาสติกสำหรับใส่ดินร่วนปนทรายประมาณ 1-2 กิโลกรัม ที่มีความชื้น ว่างไว้ข้าง ๆ ขอบบ่อเพื่อให้จิ้งหรีดวางไข่  ในช่วงตัวเต็มวัยพร้อมที่จะวางไข่ ทุก 3 วัน ให้ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำพอชื้นไม่แฉะ ก่อนฉีดน้ำให้นำถาดอาหารออกก่อนเพราะถ้าเปียกจะทำให้เกิดเชื้อรา และก่อนจิ้งหรีดวางไข่รุ่นใหม่ต้องล้างภาชนะสำหรับวางไข่ แล้วเปลี่ยนดินที่จิ้งหรีดวางไข่ทุกครั้ง
    • การให้น้ำ – อาหารจิ้งหรีด  ต้องให้สม่ำเสมอทุก 2 วัน ทั้งพืชอาหารหลัก อาหารเสริม และน้ำ โดยต้องทำความสะอาดภาชนะที่ใส่อาหาร และน้ำ ทุกครั้ง

    • พืชอาหารหลัก ได้แก่ ต้นอ่อนและยอดอ่อนของพืช เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ฟักทอง หยวกกล้วย และผักตบชวาหรือหญ้าสดทุกชนิด เช่นหญ้าขน หญ้าปากควาย หญ้าลูซี่ และหญ้าตีนกา เป็นต้น ใช้เลี้ยงจิ้งหรีดจะเจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตสูง โดย 2 วัน ให้หญ้า 1 ครั้ง ครั้งละ 1 กำมือโดยหญ้าเก่าไม่ต้องนำออก จะเป็นที่อาศัยของจิ้งหรีดต่อไป
    • อาหารเสริม เช่น รำอ่อน หรืออาหารสำเร็จรูปที่ใช้เลี้ยงไก่จิ้งหรีด 1 บ่อ ใช้อาหาร 3 กิโลกรัมต่อรุ่น อาหารเสริมควรให้ในปริมาณที่ กินหมดภายใน 2 วัน
    • การให้น้ำจิ้งหรีด ใส่ขวดน้ำพลาสติกเจาะรูข้างขวด 2 รู และใส่น้ำพร้อมผ้าสะอาด ม้วนผ้าใส่รูที่เจาะเพื่อให้น้ำซึมสำหรับจิ้งหรีดวัยตัวอ่อนกิน หรือถาดน้ำแบน ๆ ที่ใส่ก้อนหินให้จิ้งหรีดตัวเต็มวัยเกาะกันจมน้ำตาย ทั้งนี้ ควรเปลี่ยนผ้าสะอาดม้วนใส่รูขวดพลาสติกใหม่ หลังเก็บ ผลผลิตแล้วปิดปากบ่อด้วยพลาสติกตาข่ายไนล่อน (มุ้งเขียว) ใช้ยางรัดตาข่ายกับปากบ่อ ป้องกันจิ้งหรีดบินหนี และศัตรูที่จะเข้ามาทำลายจิ้งหรีด
  •  หลังปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์แล้ว 3 วัน ควรตรวจเช็คดู ถ้าตายต้องหามาทดแทน

การเก็บผลผลิต

ตัวจิ้งหรีด ก่อนนำจิ้งหรีดจำหน่ายหรือบริโภคก่อน 3 วันต้องงดให้อาหารเสริม เพื่อไมให้มีกลิ่นตัว จัดการเก็บตัวจิ้งหรีดโดยยกถาดไข่เขย่าเพื่อให้มูลจิ้งหรีดร่วงแล้ววางถาดไข่กลับลงในบ่อให้จิ้งหรีดตัวเต็มวัยเกาะ หลังจากนั้นประมาณ  5 นาที ยกถาดไข่เขย่าในกะละมัง ถังพลาสติก หรือใช้สวิงพลาสติกช้อน  จากนั้นเทจิ้งหรีดบรรจุลงในถุงพลาสติก ถุงละ 5 กิโลกรัม แล้วนำมาแช่น้ำแข็ง จะสามารถเก็บไว้รอจำหน่ายได้ประมาณ 1 สัปดาห์

ไข่จิ้งหรีด สามารถนำกระบะหรือขันไข่ หรือถุงพลาสติกไปทำพันธุ์ หรือจำหน่ายพันธุ์ใด้ ในช่วงฤดูหนาวควรทำการบ่มไข่จิ้งหรีดเพื่อให้จิ้งหรีดออกตัวตามปกติโดยใช้กระบะขันไข่ หรือถุงพลาสติกเรียงช้อนกัน วางในบ่อปูนเลี้ยงที่มีแดดส่องถึงหรือคลุมด้วยผ้าพลาสติกหรือกระสอบป่าน 2-3 คืน

มูลจิ้งหรีด สามารถนำไปทำปุ๋ยปลูกพืชได้

การปฏิบัติหลังการเก็บผลผลิต

ควรทำความสะอาดบ่อ และตากบ่อก่อนเลี้ยงรุ่นใหม่ทุกครั้ง

  • ถาดรังไข่ควรเคาะมูลจิ้งหรีดเก่าออกให้สะอาดเพื่อเป็นที่หลบซ่อนตัวของจิ้งหรีดรุ่นใหม่ต่อไป และนำมูลจิ้งหรีดไปทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้
  • ควรเปลี่ยนสายพันธุ์จิ้งหรีดรุ่นพ่อ-แม่พันธุ์ เมื่อเลี้ยงไปแล้วประมาณ 1-3 รุ่นเพื่อป้องกันเลือดชิดในจิ้งหรีด โดยหาพันธุ์จากธรรมชาติ หรือแลกเปลี่ยนในหมู่ผู้เลี้ยงจิ้งหรีดหากเลี้ยงต่อเนื่องกันโดยไม่เปลี่ยนพันธุ์ขนาดตัวจิ้งหรีดจะเล็กลงและอ่อนแอไม่ทนต่อโรค การวางไข่และผลผลิตจิ้งหรีดจะลดลง

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์


บทความอื่นที่น่าสนใจ